ก้าวย่างแห่งความสงบในประเทศไทย
เช้านี้ บรรยากาศเงียบสงบและงดงามอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อคืน พระภิกษุได้พักอยู่ริมแม่น้ำชี ที่ซึ่งธรรมชาติได้โอบกอดผู้เดินทางอย่างอ่อนโยน
ผู้คนในยุคปัจจุบันแสวงหาความสงบผ่านการเดินทางไกล จองตั๋วเครื่องบิน เลือกรีสอร์ทหรู กังวลเรื่องอาหารและที่พัก แต่ในท้ายที่สุด บางทีสิ่งที่พวกเขาต้องการจริง ๆ ก็คือช่วงเวลาที่ได้นั่งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ปล่อยให้จิตใจสงบลงเพียงไม่กี่วินาที ทว่าความสงบเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องมีวิวที่หรูหราหรือโรงแรมระดับห้าดาวเลย



การออกบิณฑบาต
เช้านี้ ในระหว่างที่พระภิกษุออกบิณฑบาต ท่านได้พบกับคณะพระภิกษุไทยที่กำลังบิณฑบาตเช่นกัน ผู้ศรัทธากลุ่มแรกได้น้อมถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์
ระหว่างการเดินทาง พระมินห์ตวี้มักจะขอภัตตาหารเพิ่มเติมเพื่อแบ่งปันให้กับอาสาสมัครในคณะ ได้แก่ พี่บ๊าว พี่ฮา และพี่เจี๊ยบ เพราะพวกเขายังไม่ได้รับศีลที่เพียงพอสำหรับการบิณฑบาตด้วยตนเอง พระอาจารย์กล่าวว่า "พวกเธอยังไม่มีบุญพอ ให้เราขอให้เธอเอง"
เมื่อเดินผ่านตลาดที่พลุกพล่าน ภาพของพระภิกษุในจีวรสีเหลืองทอง ก้าวเดินอย่างช้า ๆ ท่ามกลางชีวิตประจำวันที่วุ่นวาย สร้างภาพแห่งความสงบและความงดงามที่ลึกซึ้ง
หลังจากฉันภัตตาหารแล้ว พระภิกษุออกเดินทางต่อ วันนี้เส้นทางเต็มไปด้วยฝุ่นและหิน เนื่องจากกำลังมีการก่อสร้าง จึงต้องก้าวเดินอย่างระมัดระวัง พี่ฮาตัดสินใจถอดรองเท้า เดินเท้าเปล่าตามพระภิกษุ เพื่อฝึกตนในแนวทางแห่งความสมถะ







การพบปะที่เต็มไปด้วยบุญวาสนา
ตอนเที่ยง ญาติโยมชาวเวียดนามในประเทศไทยได้เดินทางมาเพื่อกราบนมัสการพระภิกษุ พร้อมทั้งขอให้ท่านแสดงธรรม
ช่วงบ่าย กลุ่มยูทูบเบอร์ก็ได้มีโอกาสบันทึกภาพและสัมภาษณ์พระภิกษุ ภาพที่ถ่ายทอดออกไปไม่ใช่เพียงแค่สื่อทางสายตา แต่เป็นสะพานที่เชื่อมโยงธรรมะไปสู่ผู้คนมากมาย
วันนี้ พี่บ๊าวเล่าเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับหนังสือเดินทางของพระมินห์ตวี้ที่เกือบจะสูญหาย พวกเขาตรวจสอบหลายครั้งแต่ก็หาไม่พบ ในที่สุดจึงต้องไปพึ่งหมอดู ซึ่งบอกว่าหนังสือเดินทางนั้นอยู่ลึกเข้าไปในกระเป๋าของคิม ลูกชายของพี่โน่อง—ผู้ที่ดูแลเรื่องวีซ่าสำหรับคณะเรา เพียงเพราะความผิดพลาดเล็กน้อย หนังสือเดินทางจึงหล่นไปอยู่อีกช่องหนึ่งของกระเป๋า เรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้นได้เสมอในชีวิตจริง!





ค่ำคืนท่ามกลางญาติพี่น้องชาวเวียดนามในต่างแดน
คืนนี้ คณะจะพักอยู่ในที่ดินของครอบครัวชาวเวียดนามที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยมาถึงห้าชั่วอายุคน ช่วงใกล้ตรุษญวน ทุกคนต่างยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน ปีนี้เหล่ายูทูบเบอร์แทบไม่มีใครกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้าน ทุกคนตั้งใจที่จะร่วมเดินทางกับพระภิกษุในช่วงเทศกาลนี้
ในวันนี้ เราได้รับคำสอนที่ลึกซึ้งจากพระภิกษุอีกหนึ่งบทใน พระธรรมบท (Dhammapada)
คนโง่ที่รู้ว่าตัวเองโง่
ถือเป็นผู้มีปัญญาในระดับหนึ่ง
แต่คนโง่ที่คิดว่าตัวเองฉลาด
นั่นจึงเรียกได้ว่าเป็นคนโง่อย่างแท้จริง
บทคาถานี้ดังก้องอยู่ในใจของเรา เตือนให้เราระลึกถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนบนเส้นทางแห่งปัญญา
ใต้แสงจันทร์อันอ่อนโยน ท่ามกลางผืนแผ่นดินไทย หัวใจของข้าพเจ้ารู้สึกสงบอย่างแท้จริง...
